องค์การอนามัยโลกมีความกังวลถึง ความพยายามอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมยาสูบและตัวแทน ในการกระทำเพื่อผลประโยชน์ของตน ไม่ว่าจะเป็นการชี้นำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การชี้นำมุมมองของภาคประชาชน การชี้นำการกำหนดนโยบาย และการชักนำสื่อ ซึ่งการกระทำทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่มีเป้าหมายเพื่อเผยแพร่ และเพิ่มจำนวนยอดขายของผลิตภัณฑ์นิโคตินและผลิตภัณฑ์ยาสูบทั้งสิ้น
อุตสาหกรรมยาสูบยังไม่ลดละความพยายามที่จะขยายการให้ข้อมูลเท็จผ่านทางสื่อต่างๆ ซึ่งรวมถึงการโจมตีองค์กรที่ทำงานด้านการควบคุมยาสูบอย่างรุนแรงเมื่อไม่นานมานี้ด้วย อุตสาหกรรมยาสูบเป็นเพียงอุตสาหกรรมเดียวที่จะได้รับผลประโยชน์โดยการบ่อนทำลายองค์กรที่ทำงานด้านการควบคุมยาสูบ
มีความขัดแย้งที่หยั่งรากลึกและไม่สามารถประนีประนอมได้ระหว่างผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมยาสูบและนโยบายสาธารณะด้านสาธารณสุข องค์การอนามัยโลกจึงร้องขอให้ประเทศสมาชิกให้การรับรองว่าจะไม่มีการร่วมมือกับ หรือมีการรับเงินทุนสนับสนุน จากอุตสาหกรรมยาสูบหรือองค์กรอื่นในเครือ
ประชาคมโลกต้องไม่ลืมว่า อุตสาหกรรมยาสูบได้ปฏิเสธอย่างเปิดเผย ว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่มีความเชื่อมโยงกับโรคมะเร็ง และกล่าวอ้างอย่างเป็นเท็จว่า ควันบุหรี่มือสองนั้นไม่อันตราย
บริษัทบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์นิโคตินอื่นๆ ยังคงมีพฤติกรรมชี้นำและให้ข้อมูลเท็จอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน โดยไม่เปิดเผยว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีคุณสมบัติเป็นสารเสพติด ในขณะที่โฆษณาผลิตภัณฑ์อันตรายเหล่านี้โดยพุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชน อุตสาหกรรมยาสูบจึงไม่ควรมีบทบาทในนโยบายการควบคุมยาสูบ หรือนโยบายลดอันตรายจากการใช้สารเสพติด (harm reduction)
อุตสาหกรรมยาสูบไม่ควรเป็นภาคีกับโครงการใดที่เชื่อมโยงกับการจัดตั้งหรือดำเนินการนโยบายด้านสาธารณสุข เพราะเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมยาสูบนั้นขัดแย้งกับเป้าหมายทางสาธารณสุข
หลายทศววรษแห่งพฤติกรรมหลอกลวงเป็นข้อพิสูจน์ว่า อุตสาหกรรมยาสูบเห็นผลกำไรสำคัญกว่าสุขภาพของประชาชน
อุตสาหกรรมยาสูบใช้กลยุทธหลากหลายที่จะแทรกแซงการกำหนดมาตรการและการดำเนินงานมาตรการควบคุมยาสูบ หนึ่งในกลยุทธนั้น คือการบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือขององค์การอนามัยโลกและภาคีเครือข่าย เพื่อใช้ประชาชนตั้งข้อสงสัยว่ามีหลักฐานเชิงประจักษ์ทางวิทยาศาสตร์ใดที่พิสูจน์ว่าผลิตภัณฑ์ยาสูบและนิโคตินมีอันตราย
ในทางกลับกัน องค์การอนามัยโลกและกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก ใช้วิธีการทางหลักฐานเชิงประจักษ์เพื่อช่วยเหลือชีวิตมาแล้วนับล้านทั่วโลก
ประชาคมโลกต้องร่วมกันคุ้มครองการดำเนินงานตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลก ซึ่งเป็นข้อตกลงทางกฎหมายระดับนานาชาติที่กำลังจะครบรอบ 20 ปี นับตั้งแต่ผ่านการรับรองโดยที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลก
กรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลกช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมยาสูบไม่เข้ามาแทรกแซงในนโยบายด้านสาธารณสุข ข้อ 5.3 ของกรอบอนุสัญญากำหนดไว้ว่า การดำเนินนโยบายสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมยาสูบนั้น ภาคีจะต้องกระทำการคุ้มครองนโยบายดังกล่าวจากผลประโยชน์ทางการค้าและผลประโยชน์อื่นๆ ที่มีของอุตสาหกรรมยาสูบ แนวทางการดำเนินนโยบายตามข้อ 5.3 ของกรอบอนุสัญญาช่วยให้ประเทศสมาชิกจำกัดการมีปฏิสัมพันธ์กับอุตสาหกรรมยาสูบและปฏิเสธการเป็นภาคีกับอุตสาหกรรมยาสูบ
องค์การอนามัยโลกและหน่วยงานภาคีด้านการควบคุมยาสูบยังคงยืนหยัดในนโยบายที่อิงหลักฐานเชิงประจักษ์เพื่อลดการใช้ยาสูบ อาทิเช่น มาตรการควบคุมยาสูบ MPOWER ซึ่งสนับสนุนการดำเนินการตามกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลกอย่างเต็มรูปแบบ การทำงานขององค์การอนามัยโลกและเครือข่ายควบคุมยาสูบได้เสริมสร้างสาธารณสุขให้แข็งแกร่ง ตลอดจนได้คุ้มครองกว่าห้าพันล้านชีวิต โดยผ่านทางมาตรการควบคุมยาสูบ
ย่างก้าวที่ยิ่งใหญ่ในการควบคุมยาสูบนี้ ยังคงถูกคุกคามอย่างต่อเนื่อง โดยการรณรงค์โฆษณามูลค่านับพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ของอุตสาหกรรมยาสูบ
องค์การอนามัยโลกและภาคีควบคุมยาสูบไม่ทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมยาสูบและไม่รับเงินทุนสนับสนุนจากอุตสาหกรรมยาสูบ หรือจากองค์กร หรือจากบุคคลที่ทำงานเพื่อผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมยาสูบ
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายต่อต้านยาสูบขององค์การอนามัยโลก ภาคีองค์กรอิสระ มูลนิธิ สถาบันทางวิชาการ และภาครัฐในระดับต่างๆ ในการควบคุมยาสูบ ได้ที่